ประโยชน์ของคอลลาเจนที่มีต่อผิว

3840 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ประโยชน์ของคอลลาเจนที่มีต่อผิว

ประโยชน์ของคอลลาเจนที่มีต่อผิว
1.คอลลาเจนช่วยทำให้หนังกำพร้าเก็บกักน้ำได้มากขึ้นทำให้ผิวหนังชื่นชื่นมากขึ้น
2.คอลลาเจนช่วยเพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง
3. คอลลาเจนมีส่วนช่วยปกป้องผิวหนัง จากการถูกทำลายด้วยแสง UV(B) ได้
4. คอลลาเจนช่วยใรการประสานแผล

Aova คอลลาเจนสกัดเย็นเป๋าฮื้อมีType 14 ชนิด
มีทั้ง Type l และ Type ll 
กระตุ้นการสร้าง เซลล์ผิว เซลล์กระดูก เซลล์สมอง 

กิน “คอลลาเจน” ยังไงให้เห็นผล!? สาว ๆ หลายคนอาจจะสงสัยถึงวิธีการกินคอลลาเจนว่าจริง ๆ แล้วกินอย่างไร เวลาไหนถึงจะดี วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการกินคอลลาเจนให้เห็นผลกันค่ะ

คอลลาเจนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและร่างกายให้แข็งแรง ที่สาว ๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า กินคอลลาเจนแล้วผิวสวย หน้าเด็ก อย่างโน้นอย่างนี้มาบ้าง แต่จะมีใครบ้างคะที่รู้จริง ๆ ว่าเราต้องกินคอลลาเจนอย่างไร เวลาไหนถึงจะได้ผลลัพธ์หรือเห็นผลดีที่สุด วันนี้เราเลยมีทริคเด็ด ๆ ในการกินคอลลาเจนให้เห็นผลมาบอกกันค่ะ 

1. เลือกคอลลาเจนสกัดเย็น

2. ควรทานตอนท้องว่าง ควรทานคอลลาเจนช่วงที่ท้องกำลังว่าง คือช่วงที่ไม่ได้ทานอาหารมาก่อนหรือหลังประมาณ 2-3 ชั่วโมงจะดีที่สุดค่ะ เพราะระบบของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนเข้าร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเวลานั้น โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลายค่ะ แต่ถ้าเราไปรับประทานพร้อมกับอาหารในมื้อต่าง ๆ หรือแม้จะเป็นของทานเล่นจุกจิก ร่างกายของเราจะไปดูดซึมสารอาหารจากอาหารจานหลักแทนนะคะ

3. ทานเวลาก่อนนอนดีที่สุด ถ้าเราทานคอลลาเจนช่วงเวลาก่อนนอนก็จะยิ่งช่วยให้เห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะตอนที่เรานอน ภายในร่างกายของเราจะทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ และถ้าเรารับประทานสารสกัดคอลลาเจนเข้าไปในเวลานี้ ร่างกายก็จะสามารถนำสารอาหารจากคอลลาเจนมาใช้ได้อย่างเต็มที่และเกิดผลดีที่สุดค่ะ

4. ทานพร้อมกับวิตามินซีจะยิ่งเห็นผล เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากที่สุด สาว ๆ ควรจะรับประทานคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง และทางที่ดีควรจะรับประทานพร้อมกับวิตามินซีหรือจะเป็นน้ำผลไม้ก็ได้ค่ะ เพราะว่าวิตามินซีนั้นมีส่วนช่วยมากในการกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง และกระตุ้นการนำกรดอะมิโนที่ได้จากการย่อยสลายคอลลาเจนไปใช้ใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมมีส่วนช่วยในการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายอีกด้วยนะคะ

คอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลายชนิดในสัตว์ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ฉะนั้นจึงเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย[1] โดยคิดเป็น 25% ถึง 35% ของปริมาณโปรตีนทั้งร่างกาย ส่วนใหญ่พบคอลลาเจนในรูปเส้นใยฝอยยืดในเนื้อเยื่อเส้นใย (fibrous tissue) เช่น เอ็นกล้ามเนื้อ (tendon) เอ็น (ligament) และผิวหนัง ทั้งพบมากในกระจกตา กระดูกอ่อน กระดูก หลอดเลือด ทางเดินอาหารและหมอนกระดูกสันหลัง เซลล์สร้างเส้นใย (fibroblast) เป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนมากที่สุด

ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มใยกล้ามเนื้อ (endomysium) คอลลาเจนประกอบเป็น 1% ถึง 2% ของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเป็น 6% ของน้ำหนักกล้ามเนื้อมีเอ็นที่แข็งแรง[2] เจลาตินซึ่งใช้ในอาหารและอุตสาหกรรม เป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการสลายด้วยน้ำ (hydrolysis) แบบย้อนกลับไม่ได้

ลักษณะ [แก้]
คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นสายยาว ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่ว ๆ ไปเช่นแดียวกับเอนไซม์ เส้นใยคอลลาเจนมีลักษณะเป็นสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันกันมากมาย โดยปกติทั่วไปผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มาก จึงมีแรงสปริงและยืดหยุ่นดีตามไปด้วย คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกาย ก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ได้แก่ ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน, เอ็น, เอ็นกล้ามเนื้อและกระดูก คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เคราติน

เคราตินมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เมื่อสารเคราตินในชั้นผิวลดลง จึงเกิดริ้วรอย (wringkle) บนชั้นผิว, นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตาด้วย

ประเภทของคอลลาเจน [แก้]
คอลลาเจนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทได้อย่างน้อย 16 ชนิด แต่ 80-90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วย ประเภทที่ 1, 2, 3, 5 และ 10 ซึ่งคอลลาเจนประเภทที่ 1 พบได้มากที่สุดในร่างกายของมนุษย์ [3]

1. คอลลาเจนประเภทที่ 1 เป็นคอลลาเจนประเภทที่มีปริมาณมากที่สุด และมีผลกระทบมากที่สุดที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ คอลลาเจนประเภทนี้เกิดจากอีโอสิโนฟิลไฟเบอร์ ซึ่งสร้างส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย คือเส้นเอ็น เอ็น อวัยวะ และผิวหนัง (ชั้นหนังแท้) นอกจากนี้คอลลาเจนประเภทนี้ยังช่วยสร้างกระดูก และสามารถพบได้ในทางเดินอาหาร คอลลาเจนประเภทนี้มีความสำคัญอย่างยิงต่อการรักษาบาดแผล ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด

2. คอลลาเจนประเภทที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อนที่พบได้ในเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย สุขภาพของข้อต่อต่างๆ ของเรานั้นขึ้นอยู่กับกระดูกอ่อนที่สร้างจากคอลลาเจนประเภทที่ 2 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันอาการเจ็บข้อต่อเมื่ออายุมากขึ้น หรืออาการของโรคไขข้อต่างๆ

3. คอลลาเจนประเภทที่ 3 เป็นคอลลาเจนที่เกิดจากเส้นใยร่างแห และเมทริกซ์ภายนอกเซลล์ ซึ่งสร้างอวัยวะและผิวหนังของเรา โดยมักพบพร้อมกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 และช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและกระชับ อีกทั้งยังสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อภายในหัวใจ ดังนั้นการขาดคอลลาเจนประเภทที่ 3 จึงมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเส้นเลือดแตก และการเสียชีวิตเมื่ออายุยังไม่มากตามผลการวิจัยต่างๆ ในสัตว์

4. คอลลาเจนประเภทที่ 5 เป็นคอลลาเจนที่สำคัญสำหรับการสร้างพื้นผิวของเซลล์ ตลอดจนเส้นผม รวมทั้งเนื้อเยื่อต่างๆ ที่พบได้ในรกของสตรี (อวัยวะที่พัฒนามดลูกในระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งให้ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ แก่ทารกที่กำลังเจริญเติบโต และกำจัดของเสียออกไป)

5.คอลลาเจนประเภทที่ 10 เป็นคอลลาเจนที่ช่วยในการสร้างกระดูกใหม่และกระดูกอ่อนของข้อ คอลลาเจนประเภทนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างกระดูกเอนโดคอนดรอล ซึ่งเป็นการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่างๆ คอลลาเจนประเภทนี้เป็นประโยชน์ต่อการรักษากระดูกแตก และการซ่อมแซมข้อต่อซินโนเวียล

เมื่อคอลลาเจนผ่านการสลายด้วยน้ำ คอลลาเจนจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของคอลลาเจนเปปไทด์แบบ Polyproline II (PPII) หรือเจลาติน นอกจากการใช้เป็นอาหารแล้ว คอลลาเจนยังใช้เป็นส่วนประกอบของยา เครื่องสำอาง และฟีล์มถ่ายภาพเมื่อพิจารณาในแง่ของอุตสาหกรรมอาหารแล้ว สารคอลลาเจนไม่ได้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีการประชาสัมพันธ์เชิงการค้าว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคอลลาเจนต่างแสดงคุณสมบัติของสินค้าว่าสามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยและมีผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งยังไม่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ออกมาสนับสนุนการโฆษณาในลักษณะนี้

คำว่า Collagen (คอลลาเจน) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า “Kolla” ที่แปลว่า กาว โดยเมื่อก่อนได้มีการทำกาวโดยการนำหนังและเอ็นม้ามาเคี่ยวจนกลายเป็นกาว ตามหลักฐานที่พบมีการใช้งานกาวลักษณะนี้มากว่า 8000 ปีแล้ว โดยใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเชือกและตะกร้าสานเพื่อให้มีความแข็งแรง และมีการใช้งานภายในครัวเรือนทั่วไป กาวชนิดนี้เมื่อแห้งแล้วสามารถทำให้อ่อนนิ่มได้อีกโดยการให้ความร้อน เพราะกาวจากสิ่งมีชีวิตเป็นเทอร์โมพลาสติก ชนิดหนึ่งจึงมีการใช้งานได้หลากหลายโดยเฉพาะการผลิกเครื่องดนตรีเช่น ไวโอลีน กีตาร์ แม้กระทั่งเมื่อมนุษย์สามารถผลิตพลาสติกสังเคราะห์ได้แล้ว แต่ก็ยังมีการใช้งานกาวเจลาตินอยู่ทั่วไป

มีการใช้คอลลาเจนในศัลยกรรมเสริมสวยอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยแผลไหม้เพื่อสร้างกระดูกใหม่ ทั้งยังใช้ในจุดประสงค์ทางทันตกรรม ออร์โทพีดิกส์และศัลยกรรมอื่นอีกมาก พบใช้ทั้งคอลลาเจนมนุษย์และวัวเป็นสารเติมเข้าผิวหนังเพื่อรักษารอยย่นและการเปลี่ยนตามวัยของผิวหนังได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้